จะเลือกทำธุรกิจเครือข่ายกับบริษัทไหนดี
เมื่อเรารู้แล้วว่า “ธุรกิจเครือข่ายผู้บริโภค” เป็น หนึ่งในเครื่องมืออันทรงประสิทธิภาพ ที่สามารถสร้างรายได้ได้อย่างไม่จำกัดและสามารถเปลี่ยนแปลงวิธีชีวิตได้ อย่างรวดเร็วนั้น เราก็ต้องมาดูกันว่า จะทำธุรกิจกับบริษัทไหนดี การเลือกบริษัทนี่เป็นส่วนสำคัญมากเลยนะครับ หากเลือกบริษัทผิด นั่นหมายถึง เวลาที่คุณต้องเสียไป แรงกายแรงใจที่คุณทุ่มเทลงไปเลยทีเดียว เรามาดูหลักเกณฑ์กันครับ ต้องมีคุณสมบัติครบทุกข้อถึงจะเลือกทำกับบริษัทนั้น ๆ ครับ จะขาดไปสักข้อไม่ได้เลย
1. บริษัท
แน่นอนเราต้องศึกษาตัวบริษัท ที่เราจะพิจารณาทำธุรกิจด้วยกันก่อนเลยครับ 1. ความน่าเชื่อถือของบริษัท จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย มีตัวตนจริง 2. มี ความมั่นคง (เช่นฐานะทางการเงิน มีอาคารเป็นของตัวเองหรือไม่ ไม่ใช่ยังไปเช่นห้องแถวทำออฟฟิต ที่สามารถย้ายหนีหายไปได้ภายในสองวัน !!) 3. มีภาพลักษณ์ที่ดี
2. ผลิตภัณฑ์
ธุรกิจเครือข่ายผู้บริโภค ชื่อก็บอกแล้วว่าเน้นเรื่องการบริโภคเป็นหลักดังนั้นหัวข้อเรื่อง ผลิตภัณฑ์ก็ย่อมขาดไม่ได้เลยครับ - ผลิตภัณฑ์มีความโดดเด่น มีมาตรฐาน มีคุณภาพจริง ราคาสมเหตุสมผล ทำให้มีอัตราการใช้ซ้ำสูง - ผลิตภัณฑ์ มีความหลากหลาย ครอบคลุมทุกหมวดที่เป็น สิ่งที่ต้องกินต้องใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่พวกสินค้าตามกระแส หรือมีขายแค่ไม่กี่อย่าง - รับประกันความพึงพอใจของผู้ใช้งาน สามารถคืนได้หากไม่พอใจ
3. แผนธุรกิจ
ถึง แม้หากผลิตภัณฑ์จะดี แต่เครือข่ายก็ไม่สามารถดำเนินการได้ถ้าแผนธุรกิจนั้น ยุ่งยาก ซับซ้อน เข้าใจยากครับ แผนการตลาดที่ดีและมีประสิทธิภาพควรเป็นดังนี้ครับ - ต้องเป็น “การตลาดเครือข่ายผู้บริโภค” ไม่ใช่ “การตลาดเครือข่ายขายตรง” พูด ง่าย ๆ คือเป็นแผนที่เน้นซื้อกินซื้อใช้เองก็เพียงพอ ไม่ใช่เน้นออกรบ ไปขายทำยอด และต้องเน้นให้เป็น เครือข่ายของการเรียนรู้ เพราะการเรียนรู้คือกุญแจของความสำเร็จ - ค่าสมัคร(ซื้อลิขสิทธิ์ ไม่แพง) ประกันความพอใจ คืนเิงินได้หากไม่ชอบ ไม่ใช่บริษัทที่บังคับปิดยอดในมูลค่าสูง ๆ (ถ้าแบบนั้นคิดไว้ก่อนเลยว่าไม่ชอบมาพากลหรือเปล่า ให้ระวังครับ) - แผน ธุรกิจเข้าใจง่าย ชัดเจน อธิบายไม่กี่ครั้งก็สามารถเข้าใจง่าย ปัจจุบันแผนธุรกิจที่ได้รับความนิยมและมีประสิทธิภาพมากสุดคือแผนแบบ 2 สายงาน ( Binary) คือสร้างแค่ 2 สายงาน แล้วเน้นช่วยเหลือองค์กรในทางลึก สร้างผู้นำลงไปเป็นลำดับโครงสร้าง ไม่ใช่เน้นสร้างกลุ่มรอบตัว
4. ผู้บริหาร & วิสัยทัศน์ นโยบาย
วิสัยทัศน์เป็นตัวชี้ความสำเร็จ ความมั่นคง หากวิสัยทัศน์ไม่ดีย่อมยากที่จะประสบความสำเร็จได้ครับเช่น - ผู้บริหารมีประสบการณ์ูสูง อยู่ในวงการนี้หรือไม่ มีตัวตนจริง จับต้องได้จริง - วิสัยทัศน์กว้างไกล ทันสมัยหรือไม่ - มีจริยธรรม และคุณธรรม
5. ระบบ (ทีม / อบรมเรียนรู้)
ถึง แม้ว่าบริษัทจะดี ผลิตภัณฑ์จะดี แผนธุรกิจทุกอย่าดีหมด แต่ถ้า บริษัทไม่มีระบบอบรม ให้ความรู้เราที่ดี หรือเราอยู่กับทีมที่ไม่เป็นมืออาชีพ อยู่กับคนที่ทำธุรกิจไม่เป็น Upline ไม่สามารถถ่ายทอดความรู้ เทคนิค วิธีการในการทำธุรกิจให้เพื่อน ๆ ถ้าเป็นเช่นนี้เพื่อน ๆ ก็ย่อมประสบความสำเร็จยากแน่นอน
เพราะ ผมเคยเห็นหลาย ๆ คน ที่เข้ามาในธุรกิจ ด้วยความหวัง ด้วยความฝัน ว่าจะต้องทำธุรกิจให้สำเร็จ อยากจะเปลี่ยนแปลงวิธีชีวิต อยากมีรายได้ มีความมั่งคั่ง มีเวลาที่จะให้ตัวเอง และครอบครัวมีความสุข อยู่กับบริษัทที่มีระบบดีอยู่แล้ว แต่กลับเจอกับ Upline หรือ ทีมงานที่ไม่เป็นมืออาชีพ สอนงานไม่เป็น เอารัดเอาเปรียบ เห็นแก่ตัว แบบนี้เป็นเราเราก็เบื่อ ดีไม่ดีก็เหมารวมว่าธุรกิจแนวนี้ไม่ดีจริงมั๊ยครับ ดังนั้นถ้าบริษัทดี ก็อย่าลืมเลือกทีมที่ดี หรือดูคนที่มาชวนเราด้วย ว่าเขาดูแล้วสามารถดูแลและพาเราให้สำเร็จได้หรือเปล่าด้วยนะครับ
6. Timing หรือช่วงเวลาของธุรกิจ
ข้อ นี้สำคัญมากทีเดียว สำหรับช่วงเวลาในการเข้าทำธุรกิจ หากเข้าถูกช่วงถูกเวลาแล้ว โอกาสที่จะประสบควมสำเร็จก็จะสูงกว่าและรวดเร็วกว่าแน่นอนครับ เราควรเลือกธุรกิจที่เข้าตามเกณฑ์ที่กล่าวมาข้างต้นก่อนและต้องพิจาณาช่วง เวลาของธุรกิจด้วยว่าอยู่ในช่วงขาขึ้นหรือไม่ (ดู ง่าย ๆ ได้อัตราการเติบโต การขยายสาขา มากน้อยเพียงใด แนวโน้มการขยายตลาดยังมีีกมากหรือไม่ เช่นตลาดในประเทศ ตลาดต่างประเทศ) ถ้าใครมาเถียงคุณว่า ไม่เกี่ยวน่า ก็บอกแล้วว่าธุรกิจเครือข่ายที่ถูกต้องคือมาก่อนมาหลังไม่เกี่ยว แซงกันได้ นั่นผมไม่เถียงครับ แต่โอกาสที่จะสำเร็จ หรือแซงคนที่มาก่อนย่อมยากเป็นเงาตามตัว ครับ (แต่เพื่อน ๆ อาจมีเสียงค้านมาอีกว่า คนสมัครเยอะก็จริงแต่ทำจริง ๆ ไม่กี่คนนะ นั่นผมก็ไม่เถียงอีกครับ แต่ก็อย่างว่าล่ะ คนสมัครแล้วแต่ไม่ทำนั้น หรือทำไม่สำเร็จนั้น ย่อมส่งผลต่อจิตวิทยาภาพรวมของบริษัทนั้น ๆ แน่นอน ยกตัวอย่าง คน 1 ล้านคนสมัครทำธุรกิจ แต่มีคนสำเร็จ 1,000 คน คนยังทำอยู่อีกซัก 20,000 คน ที่เหลือกว่า 80,000 คนอยู่เฉย ๆ ล้มเลิก หรือล้มเหลว เราก็ย่อมมีโอกาสเจอคน 80,000 คนที่ล้มเหลวมากกว่าเจอคน 1,000 คน ที่ประสบความสำเร็จแน่นอน และย่อมมีแรงต่อต้านและภาพลักษณ์ที่ไม่มีกับธุรกิจจากกลุ่มคนกลุ่มนี้เช่น เดียวกันครับ สุดท้ายก็ส่งผลใ้ห้การทำธุรกิจของคุณช้าลง และพบอุปสรรคมากขึ้นกว่าจะสำเร็จได้
สำหรับ เพื่อน ๆ ที่ทำธุรกิจเครือข่ายอยู่แล้ว และกำลังลังเลว่าจะลุยต่อ หรือจะเปลี่ยนบริษัทเพื่อเริ่มต้นใหม่ก็ลองพิจารณาดูจากหลักเกณฑ์ที่กล่าวมา ข้างต้นได้เลยนะครับ หรือหากเพื่อน ๆ คนไหนที่กำลังพิจารณาเลือกบริษัทอยู่ หากพบบริษัทเครือข่ายไหน ตรงกับที่กล่าวมาทุกข้อ ก็ลองตัดสินใจลุยได้เลยครับ
|