zhulian network attraction
 เข้าสู่ระบบ - สมัครสมาชิก  

กลูตาไธโอน (Glutathione) คือ โปรตีนขนาดเล็ก ประกอบด้วยกรดอะมิโน 3 ชนิด ได้แก่ cysteine, กรด glutamic และ glycineกลูตาไธโอน ถูกผลิตขึ้นโดยร่างกายทำหน้าที่เสมือนคอยคุ้มภัยให้แ ก่ร่างกาย โดยมันจะทำหน้าที่ต้านสิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษให้แก่ร่ างกาย เช่น น้ำที่เราดื่ม, ยาและสารเคมีต่าง ๆ ที่พบในอาหารที่เราทาน เพื่อป้องกันสารเคมีเหล่านี้จะเข้าไปทำลายเซลล์และระ บบต่าง ๆ ในร่างกาย
** ดังนั้นกลูตาไทโอน จึงไม่เป็นอันตรายใดๆ เพราะเป็นโปรตีนที่ผลิตขึ้นเองในร่างกายคนเราอยู่แล้ วด้วย สบายใจได้ค่ะ แถมผลลัพธ์ดีเยี่ยม
ผลลัพธ์ที่ได้จากกลูตาไธโอน
ช่วยให้ผิวขาวขึ้น, ขจัดจุดด่างดำ, ฝ้า, สิว, ลดริ้วรอย , ช่วยให้ผิวคุณเรียบ เนียน, สดชื่น เปล่งปลั่ง, รักษารอยแผล เท่านี้ยังไม่หมด
ใช้รักษาปัญหาผิวหยาบกร้าน ริ้วรอยเหี่ยวย่นก่อนวัยอันควร และ ใช้รักษาผู้ป่วยเรื้อรัง ทั้งยังเป็นตัวเพิ่มสเปิร์มในผู้ชายอีกด้วย
แอล-กลูตาไธโอน (L-Glutathione) ถูกนำมาใช้รักษาโรคทางด้านผิวหนังกันอย่างแพร่หลาย เพราะมันช่วยให้ผิวพรรณขาวขึ้นอย่างไม่มีผลข้างเคียง


กลูต้าไธโอน (Glutathione) อาหารเสริมเพื่อผิวขาว

กลูต้าไธโอนคืออะไร?

สารกลูตาไธโอน เป็นสารที่เซลล์ในร่างกายเราสามารถสังเคราะห์ขึ้นได้เอง มีคุณสมบัติเป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง มีหน้าที่ปกป้องเนื้อเยื่อของอวัยวะทุกส่วนโดยการต่อต้านอนุมูลอิสระที่ สะสมอยู่ตามส่วนต่างๆ และกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย ที่ สำคัญยังช่วยตับในการทำลายและขจัดสารพิษออกจากร่างกาย เช่น ตัวยาหรือสารพิษที่ไม่ละลายน้ำ เมื่อรวมตัวกับสารกลูตาไธโอน จะช่วยให้ละลายน้ำได้และถูกกำจัดออกจากร่างกายได้ในที่สุด สารพิษจำพวกโลหะหนักหรือสารกำจัดแมลง สามารถถูกขจัดออกจากร่างกายได้โดยการทำงานของกลูตาไธโอนร่วมกับตับ

สารกลูต้าไธโอนยังมีหน้าที่สำคัญอีกมากมายในร่างกาย เช่น สังเคราะห์โปรตีน ช่วยให้เม็ดเลือดแดงมีความแข็งแรง ช่วยเร่งการซึมผ่านของสารอาหารเข้าสู่เซลล์ ช่วยปกป้องดีเอ็นเอของเซลล์ไม่ให้ถูกทำลาย ซึ่งเป็นการป้องกันการเกิดมะเร็งนั่นเอง

สารประเภท Tripeptide ที่ประกอบด้วยกรดอะมิโน 3 ชนิด ได้แก่ Cystenie,Glycine และ Glutamin acid กลูต้าไธโอนเป็นสารแอนซิแดนท์ชนิดละลายน้ำได้ ที่สำคัญที่ร่างกายสร้างขึ้น และเป็นพื้นฐานสำหรับสารแอนติออกซิแดนท์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมทั้งกลูต้าไธโอนเปอร์ออกซิเดส สารประกอบกลูต้าไธโอนช่วยปกป้องร่างกายจากการทำลายของอนุมูลอิสระ ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน และช่วยในการย่อยสลายสารพิษ ซึ่งร่างกายของเราจะผลิตมากขึ้นหากได้รับสารพิษเข้าไป เช้น การดืมยาฆ่าแมลง สารเคมีต่างๆ อาหาร ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำลายเซลล์ร่างกายเราและระบบร่างกาย

กลูต้าไธโอนได้รับสมญาว่า”หัวหน้าสารต้านอนุมูลอิสระ” มันช่วยให้เรามีสุขภาพดี และชวิตยืนยาว คนที่ต้องสัมผัสกับสารพิษปริมาณมากๆ (ที่เห็นชัดๆก็พวกที่ตั้งใจรับเข้าไปเองเช่น การดื่มเหล้า เบียร์ อัลกอฮอล์)จะมีการใช้กลูต้าไธโอนที่ร่างกายสร้างเองอย่างมาก(ซึ่งบางครั้ง ไม่เพียงพอ) หากร่างกายไม่มีกลูต้าไธโอนเซลล์จะตายอย่างรวดเร็ว นำไปสู่ความชรา และอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคซึ่งกระตุ้นด้วยอนุมูลอิสระเช่นมะเร็ง
กลูต้าไธโอนมีการใช้อย่างแพร่หลายและกว้างขวาง ปัจจุบันเราพบว่าเอาไปใช้ลดอาการเมาค้างเช่น แว๊กกี้ แฮงค์ อาหารผิวเพื่อขาวใสเช่น อิมิดีน บลิ๊งค์ ไอไบร้ท์ นูไวท์ คิวมารีน ลูมินัส (ราคาในท้องตลาดมีราคาแพงโดยเฉพาะส่วนผสมที่มีกลูต้าไธโอน 250 มก.) เป็นที่นิยมของดารา นางแบบ นายแบบ อย่างมาก ช่วยชะลอกระบวนการชราและเพิ่มความต้านทานโรคได้เช่นกัน

หน้าที่หลักของสารตัวนี่ที่เด่นมีอยู่ 3 ประการ คือ
1. Detoxification : กลูตาไทโอนช่วยสร้างเอ็นไซม์ชนิดต่าง ๆ ในร่างกายโดยเฉพาะ Glutathion-S-transferase ที่ช่วยในการกำจัดพิษออกจากร่างกายโดยไปเปลี่ยนสารพิษชนิดไม่ละลายในน้ำ (ละลายในน้ำมัน) เช่น พวกโลหะหนัก สารระเหย ยาฆ่าแมลง แม้แต่ยาบางชนิด ให้เป็นสารที่ละลายน้ำได้ดีขึ้นและง่ายต่อการกำจัดออกจากร่างกาย นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันตับ1 จากการถูกทำลายโดย แอลกอฮอล์ (สุรา) สารพิษจากบุหรี่ ยาพาราเซตามอลเกินขนาด (Overdose) ฯลฯ

2. Antioxidant : กลูตาไทโอนมีคุณสมบัติเป็นสารต้านปฏิกิริยาอ๊อกซิเดชั่น (Antioxidant) ที่มีความสำคัญตัวหนึ่งในร่างกาย และหากขาดไป วิตามินซีและอี อาจจะทำงานได้ไม่เต็มที่

3. Immune Enhancer : ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกาย2 โดยกระตุ้นการทำงานของเอ็นไซม์หลายชนิดเพื่อให้ร่างกายต่อต้านสิ่งแปลกปลอม รวมถึงเชื้อแบคทีเรียและไวรัส นอกจากนี้กลูตาไทโอน ยังช่วยสร้างและซ่อมแซม DNA สร้างโปรตีนและ prostaglandin

ผลข้างเคียงในปัจจุบันยังไม่พบผลข้างเคียง
มีเพียงผลข้างเคียงเดียว แต่กลับเป็นผลข้างเคียงพึงประสงค์ของผู้หญิงเอเซียนั่นก็คือ “การที่มีผิวขาวใสขึ้น”

กลูต้าไธโอนทำให้เกิดอะไรกับร่างกายเรา
o ทำให้ผิวขาวขึ้น
o ลดริ้วรอยจุดด่างดำ
o ป้องกันสิวและรอยดำจากสิว
o ลดริ้วรอย จากวัย
o ทำให้ผิวเนียน ใส และเปล่งประกาย

ส่วนหน้าที่ในการเป็นสุดยอดของสารต้านอนุมูลอิสระช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
• อาจช่วยป้องกันมะเร็งโดยเฉพาะมะเร็งตับ
• ปกป้องร่างกายจากอนุมูลอิสระ
• ช่วยกำจัดสารนิโคติน
• ช่วยเสริมฤทธิ์การทำงานของตับในการกำจัดสารพิษ
• มีบทบาทสำคัญในการป้องกันมะเร็งและใช้ในการรักษามะเร็ง(โดยเฉพาะที่มีการทำงานของตับเสียไป)
• ช่วยเพิ่มปริมาณเชื้ออสุจิ

ระดับของกลูต้าไธโอนที่ต่ำลงพบในกรณี
• • ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือเสื่อม
• • โรคที่การเสื่อมของระบบสมองและประสาทเช่น multiple sclerosis ,ALS, Alzheimer, and Parkinson’s disease
• • ภาวะเป็นหมันในเพศชาย
• • ภาวะแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์
• • โรคหลอดเลือดเสื่อม
• • ต้อกระจก
• • ภาวะที่ได้รับยาเกินขนาด(โดยเฉพาะพาราเซตามอล)
• • มะเร็ง
• • เอดส์
• • แต่มีส่วนช่วยในต้านโรคหัวใจขาเลือด แก่ก่อนวัย โรคเรื้อรังต่างๆ
• • หมายเหตุ : มิได้หมายความว่ากลูต้าไธโอนใช้ในการรักษาโรคเหล่านี้

ใครควรเสริมกลูต้าไธโอน
• คนที่ติดบุหรี่ ดื่มอัลกอฮอล์
• อายุมากกว่า 40 ปี พวกที่ออกกำลังกายมาก เสริมสร้งหุ่น
• ชายที่จำนวนสเปิร์มน้อย ผู้เป็นโรคตับ
• ต้อกระจก ฟื้นจากเคมีบำบัด
• สำผัสสารเคมีฆ่าแมลงเป็นประจำ คนที่ภูมิคุ้มกันบกพร่อง
• ภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ
ที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้หญิงทั่วไปที่ต้องการในผิวเนียน ใส กระจ่าง (เป็นเหตุผลที่คนเสริมกลูต้าไธโอนมากที่สุด)

การใช้ประโยชน์ทางการแพทย์จากสารกลูต้าไธโอน

สารกลูต้าไธโอนมี การนำมาใช้เป็นยารักษาโรคเกี่ยวกับระบบเส้นประสาทบกพร่อง เช่น โรคพาร์กินสัน โรคอัลไซเมอร์หรือโรคสมองเสื่อม โรคปลายเส้นประสาทอักเสบ มะเร็งกระเพาะ และมะเร็งต่อมลูกหมาก โดยได้รับการรับรองให้ใช้เป็นยามามากกว่า 30 ปี การ รักษามักจะให้ โดยการฉีดเข้าเส้นหรือเข้าที่กล้ามเนื้อ อาการข้างเคียงของยาดังกล่าวตอนนี้ยังไม่พบ แต่อย่างไรก็ตามพบว่า สารกลูตาไธโอนมีผลข้างเคียงในการยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส ซึ่งทำให้เม็ดสีของผิวหนังเปลี่ยนจากเม็ดสีน้ำตาลดำเป็นเม็ดสีชมพูขาว ผลข้างเคียงนี้จึงทำให้มีการแตกตื่นและนำกลูต้าไธโอนมาเตรียมเป็นยาเม็ด เพื่อใช้เป็นอาหารเสริม เพื่อชะลอวัย และหวังผลให้ผิวขาวใสหรือผิวขาวอมชมพู

ภาวะที่ร่างกายขาดกลูต้าไธโอน

เนื่องจากสารดังกล่าวร่างกายสร้างได้เอง แต่สภาวะที่ร่างกายอาจขาดหรือมีกลูต้าไธโอนไม่เพียงพอ เช่น เมื่อร่างกายมีโรคแทรกซ้อน ทำให้กลูต้าไธโอนลด น้อยลงด้วยสาเหตุการถูกทำลายด้วยยารักษาหรือด้วยตัวโรคเอง หากร่างกายขาดหรือมีกลูตาไธโอนน้อย จะมีผลทำให้เกิดโรคตับอักเสบง่าย ทำให้ตับทำงานได้ไม่เต็มที่ มีโอกาสในการเกิดภาวะแทรกซ้อนของระบบทางเดินหายใจ โรคหืด ผู้ที่มีกรรมพันธุ์เกี่ยวกับความบกพร่องของกลูต้าไธโอนมักจะมีปัญหาโรคแทรก ซ้อนทางระบบประสาท ผู้ที่ป่วยด้วยโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือโรคเอดส์ ปริมาณกลูต้าไธโอนในระบบเลือดจะต่ำมากๆ ผู้ที่สูบบุหรี่จัดก็เช่นกัน ดังนั้นบุคคลเหล่านี้จะเกิดโรคแทรกซ้อนได้ง่าย
กลูต้าไธโอนในธรรมชาติ

พบมากในผลไม้ ได้แก่ แตงโม สตรอเบอรี่ องุ่น ผลอโวกาโด ส่วน ในผักพบมากใน หน่อไม้ฝรั่ง สำหรับเนื้อสัตว์จะพบได้ใน ปลา และเนื้อแดง เช่น เนื้อหมู เนื้อวัว จะพบมากใน Asparagus อะโวกาโด และ Walnut ร่างกายเราก็สามารถสร้างกลูต้าไทโอนได้และมีสารหลายชนิดที่ช่วยเพิ่มการ สร้างได้แก่ Alpha lipoic acid, Glutamine3, Methionine, Whey Protein, Vitamin B-6, Vitamin B-2 , Vitamin C4 และ Selenium

ดังนั้นควรเลือกรับประทานจากธรรมชาติดีกว่าที่จะหลงไปใช้สารนี้อย่างผิดๆ และขาดความเข้าใจ

ผลข้างเคียง

ในปัจจุบันยังไม่มีผลข้างเคียงใดๆรายงาน และไม่มีรายงานความเป็นพิษ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ในระยะสั้นหรือระยะยาว ระดับความปลอดภัยจัดเป็น “อาหารเสริม” ไม่ใช่ “สมุนไพร” การผลิตโดยทั่วไปผ่านกระบวนการสังเคราะห์ ผลข้างเคียงที่มีรายงานคือการกินปริมาณสูงติดต่อกันจะทำให้ผิวขาวใสขึ้น

ข้อห้ามใช้ : ยังไม่มีข้อห้าม แต่ไม่แนะนำสำหรับเด็ก สตรีมีครรภ์ และให้นมบุตร (ยังไม่มีการศึกษาเพียงพอแต่ไม่มีรายงานความเป็นพิษในคนกลุ่มนี้)
ไม่แนะนำให้ใช้ในผู้ป่วยมะเร็งที่ยังอยู่ในช่วงให้เคมีบำบัด และฉายแสง(การรักษาจะกระตุ้นในเกิดภาวะอนุมูลอิสระเพื่อหวังผลการักษา) แต่มีบางรายงานมีการใช้กลูต้าไธโอนในการรักษาช่วยลดผลข้างเคียงจากเคมีบำบัด แต่ไม่ลดฤทธิ์ของการรักษา
ปฏิกิริยากับยาอื่น : ยาจิตเวช haloperidol ,chemotherapeutic drug:cisplatin

กลไกที่ทำให้ผิวขาวของกลูต้าไธโอน
เกิดจากกระบวนการสร้างเมลานิน โดยกลูต้าไธโอนไปลดการสร้างโดยการยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส และกระตุ้นให้สร้างฟีโอเมลานิน(สีอ่อนขาวชมพู) มากกว่ายูเมลานิน(เมลานินสีคล้ำ)
ผลของกลูต้าไธโอน ในเรื่องความขาวก็ต้องขึ้นกับสีผิวเดิมของผู้ที่เริ่มกิน หากมีสีผิวอ่อนอยู่แล้วก็เห็นผลไว แต่หากมีสีผิวคล้ำเดิมต้องรอให้ร่างกายสร้างเม็ดสีอ่อนใหม่ และเซลล์ผิวเก่าที่มีสีคล้ำผลัดหมดก่อน หากคล้ำมากอาจใช้เวลาเป็นปี

จากผลการทดลองพบว่าผู้ที่มีผิวสี
• ผิวสีน้ำตาลอ่อ น : ใช้เวลาให้ขาวใส ประมาณ 1 – 3 เดือน
• ผิวสีน้ำตาลเข้ม : ใช้เวลาให้ขาวใส ประมาณ 3 – เดือน
• ผิวเข้มมาก : ใช้เวลาให้ขาวใส ประมาณ 6 – 12เดือน
• ผิวดำ(เช่นนิโกร) :ใช้เวลาประมาณ 2 ปีหรือมากกว่า

เมื่อร่างกายได้รับปริมาณที่เหมาะสมจะควบคุมการสังเคราะห์เม็ดสีเมลานิน ส่งผลให้ผิวหน้าและผิวกาย สวยขาวใส ไร้ริ้วรอยด่างคำ รวมถึงผิวทั่วเรือนร่าง เช่น ผิวใต้วงแขน ผิวบริเวณ บิกินี สีผิวริมฝีปากและสีผิวบริเวณหัวนม แลดูจางลง ขาวอมชมพูขึ้น และยังช่วยลดเลือนริ้วรอย ทำงานร่วมกับวิตามินซี จะช่วยในเรื่องการดูดซึมและต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน ที่ผิดปกติ อันเป็นสาเหตุของการเกิดความคล้ำของสีผิว กระ ริ้วรอยโดยช่วยให้ขนาดและความเข้มของรอยหมองคล้ำค่อยๆลดลง คืนความยืดหยุ่น เนียนสวยเป็นธรรมชาติ เพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุดของโปรตีนคอลลาเจน และอิลาสติน บำรุงผิวพรรณ ช่วยลดปฏิกิริยาการเพิ่มเม็ดสีผิว เมื่อผิวหนังโดนแสงแดด และลดขนาดและความเข้มของฝ้าโดยไม่มีผลข้างเคียง

ข้อมูลเพิ่มเติมที่ 089-4762829 สอบถามได้ไม่สนใจไม่ว่ากันหรือ panya_noom@hotmail.com

Advertising Zone    Close

Online: 1 Visits: 9,262 Today: 7 PageView/Month: 86

ด้วยความปราถนาดีจาก "สยามทูเว็บดอทคอม" และเพื่อป้องกันการเปิดเว็บไซต์เพื่อหลอกลวงขายของ โปรดตรวจสอบร้านค้าให้แน่ใจก่อนตัดสินใจซื้อของทุกครั้งนะคะ    อ่านเพิ่มเติม ...